วันก่อนมีคุณผู้อ่านเพศชายท่านหนึ่งเข้ามารับคำปรึกษาเรื่องคนรักที่เป็นชายรักชายเหมือนกัน ทั้งคู่ทำงานที่เดียวกัน และมีความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดกัน คือทั้งคู่จะแข่งกันเอาชนะหรือเอาหน้ากันในเรื่องงาน มักจะทะเลาะกันเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งมีชัยชนะเหนืออีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งคู่เดี๋ยวก็รักกัน เดี๋ยวก็เลิกกัน แฟนของคุณผู้ชายคนนี้ชอบเอาชนะด้วยการใช้อารมณ์ โมโหร้าย ไม่มีเหตุผล มองโลกแคบ ยึดความคิดเดิมๆ ของตนเองเป็นสำคัญ ไม่ฟังใคร และจะรับไม่ได้เลยหากถูกปฏิเสธ เขาทำตัวเหมือนเขาเก่งที่สุดในโลก แต่ก็ไม่รู้ทำไมชายคนที่มาปรึกษาครูเคทยังคงรักแฟนหนุ่มของเขา ทั้งๆ ที่ต้องเจ็บปวดใจอยู่บ่อยครั้ง
เขาเป็นฝ่ายยอมแฟนของเขาทุกครั้ง เพราะไม่อยากให้แฟนโกรธและจากไป เหมือนทุกครั้งที่ทะเลาะกันแรงๆ แฟนจะเป็นฝ่ายหายไปนานๆ เมื่ออารมณ์ดีแล้วจึงจะกลับมาคุยกัน แต่ความสัมพันธ์อย่างนี้ดำเนินไป 3-4 ปีแล้ว ในวันนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าโดยไม่มีแฟนอยู่เคียงข้าง เพราะเขาเหนื่อยกับความสัมพันธ์อย่างนี้ แต่พอตัดสินใจแล้ว เขาก็กลับทำไม่ได้ ยังคงพยายามกลับไปคุยกับแฟน และก็รู้ว่าจะไม่มีอะไรดีขึ้น
ที่ขอเขียนเรื่องนี้ เพราะเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกชายที่ทำให้ลูกชายกลายเป็นชายรักชาย และความพยายามในการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของชายรักชายคู่นี้
ชายคนนี้เล่าว่าพ่อของเขาเติบโตในครอบครัวใหญ่ มีลูกมาก พ่อเป็นลูกชายคนเล็กที่ปู่รักมากที่สุด แต่กลับเป็นคนที่ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นคนที่ชอบใช้กำลัง ขี้โมโห และมองโลกในแง่ร้ายเสมอ เวลาเขาทำอะไรผิด พ่อจะลงโทษเขาอย่างรุนแรงมากแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บทจะรักลูกก็ดีใจหายสรรหาของมาประเคนให้ลูก เขารับไม่ได้ที่พ่อเป็นคนไม่มีเหตุมีผลอย่างนี้ แต่เขาก็บอกไม่ได้ว่าเขาเกลียดพ่อหรือรักพ่อ
แต่จากภาพของจิตของเขาทำให้เริ่มเข้าใจความคิดและพฤติกรรมของเขาที่มีต่อคนรัก เขาเลือกคนรักที่มีความคล้ายคลึงพ่อของเขา เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป หรือสิ่งที่เขาพยายามจะเข้าใจ นั่นคือ ความรักระหว่างเขากับพ่อของเขา จิตใต้สำนึกของเขากำลังรักผู้ชายคนที่เป็นเสมือนตัวแทนพ่อของเขา ความพยายามเข้าใจแฟนของเขาคือความพยายามเข้าใจพ่อของเขา เขาบอกว่าเวลาอยู่กับแฟนเขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นั่นคือความอบอุ่นที่เขาอยากได้จากพ่อของเขา และสิ่งนี้ทำให้เขาเป็นฝ่ายหยวนยอมแฟนของเขา เพราะไม่อยากขัดใจหรือทะเลาะกัน เพราะแฟนของเขาเกลียดการปฏิเสธ เขาต้องยอม และหากเราทำความเข้าใจแฟนของเขาที่ชอบเขาก็เพราะว่าแฟนรู้ว่าจะไม่ถูกปฏิเสธจากเขานั่นเอง
ดูเหมือนคู่นี้น่าจะเป็นคู่ที่เหมาะกันมาก แต่จริงๆ แล้ว นี่เป็นคู่ที่พบได้บ่อยทั้งคู่ชายหญิง ชายชาย และ หญิงหญิง ที่ขาดและพยายามเติมเต็มด้วยการหาแฟนที่เป็นภาพทับซ้อนของพ่อหรือแม่ที่เขาต้องการรักและถูกรัก คู่ที่เป็นอย่างนี้จึงเป็นความรักที่ลุ่มๆ ดอนๆ เพราะคนขาดสองคนมาเจอกัน ต่างฝ่ายต่างคาดหวังหรือใช้ให้อีกฝ่ายเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป จึงเป็นความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจมากมายแต่อบอุ่นหัวใจ (แบบแปลกๆ)
อย่างไรก็ตาม ความรักที่ควรจะเป็นต้องมีความรากฐานมาจากความเข้าใจ ความเมตตา และความห่วงใยกันและกัน สำหรับคนที่ขาดหรือสงสัยในความรักของคุณกับพ่อแม่ แทนที่จะพยายามหาใครสักคนมาให้รักแทนพ่อแม่ คุณควรเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ด้วยการลดทิฐิส่วนตัว แล้วสานสัมพันธ์ใหม่กับพ่อแม่ แม้พ่อแม่จะมีทิฐิมานะมากแค่ไหน นี่คือสิ่งที่ลูกควรทำ หากลูกลดอัตตาและทิฐิลงก่อนและเป็นฝ่ายเข้าหาพ่อแม่ เราสามารถทำให้พ่อแม่ที่อาจมีปัญหาอะไรในใจ ได้เริ่มเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของท่าน (อย่าลืมว่าพ่อแม่ก็เป็นคนธรรมดาที่มีปมปัญหาในชีวิตเช่นกัน) ในที่สุดแล้วไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะอยู่กับทิฐิและปฏิเสธลูกไปจนวันตาย หากความรักความสัมพันธ์ของคนเรากับพ่อแม่ของเราถูกเติมเต็มแล้ว เราจะกลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรักความเมตตา สามารถรักตัวเองและรักผู้อื่นได้อย่างมีความสุขที่แท้จริงค่ะ
ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 0814581165 หรือ เข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ