มีคุณผู้อ่านรายหนึ่งอินบ็อกซ์เข้ามาในแฟนเพจ Kate Inspirer ขอปรึกษาครูเคทว่า “…. ลูกเป็นเด็กที่ไม่เก่งวิชาการแต่พอเรียนได้ มีความถนัดแนวดนตรีกับศิลปะมากกว่าด้านวิชาการ แต่โรงเรียนของลูกเน้นวิชาการ ลูกเลยรู้สึกเหนื่อยและไม่อยากซ้อมดนตรี จะช่วยลูกยังไงดีคะ…”
เรื่องลูกเรียนไม่เก่งนี่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้พ่อแม่วิตกกังวลมาก และมุ่งแก้ปัญหากันที่ปลายเหตุโดยเน้นผลลัพธ์ที่ทำให้พ่อแม่สบายใจ คือ เกรดดี เรากำลังลืมมองอะไรไปอีกหลายๆ จุด หรือเปล่า เช่น ทักษะการเรียนรู้และการนำไปปรับใช้กับการดำเนินชีวิตจริง ไม่ใช่เรียนกันเข้าไปแบบความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
การที่ลูกเรียนไม่เก่ง เราต้องหาสาเหตุที่แน่ชัดให้ได้เสียก่อน สาเหตุที่เด็กเรียนไม่เก่งอาจมาจากระดับสติปัญญาต่ำ หรืออาจไม่ใช่ เด็กบางคนสติปัญญาสูง แต่มีความวิตกกังวลกับปัญหาที่บ้านหรือที่โรงเรียนทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ได้ พอปัญหาสะสมไม่ได้รับการแก้ไข บวกกับผลการเรียนแย่ลงเรื่อยๆ ก็อาจทำให้เด็กเกิดอาการถอดใจ และเชื่อว่าตัวเองไม่ฉลาด เรียนไม่เก่ง อะไรทำนองนั้น สภาพแวดล้อมในบ้านที่อาจส่งผลต่อการเรียนของเด็กอาจหมายถึงปัญหาที่เห็นชัดเจน เช่น การทะเลาะเบาะแว้ง การใช้ความรุนแรงในครอบครัว ไปจนถึงปัญหาที่มองไม่เห็นว่าเป็นปัญหา เช่น ความคาดหวังของพ่อแม่หรือความวิตกกังวลของพ่อแม่ที่ไม่รู้ตัว อยากให้ลูกเรียนเก่ง อยากให้ลูกชนะหรือเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ฯลฯ ซึ่งแรงกดดันหลายรูปแบบเหล่านี้ ทำให้เด็กรู้สึกอึดอัด วิตกกังวล กลัว รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า เครียด แบกรับ จนนำไปสู่การขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้
เด็กที่เครียดหรือวิตกกังวลก็อาจหาทางออกด้วยการทำอะไรเพลินๆ เข่น งานศิลปะ เพลง เล่นเกม เป็นต้น ลองดูว่างานศิลปะและดนตรีของเขาเป็นอย่างไร (เด็กบางคนมีพรสวรรค์ด้านนี้จริง แต่บางคนแค่ชอบเพราะคลายเครียด ผู้ปกครองต้องมองให้ชัดก่อนว่าเป็นกลุ่มไหน) ถ้าลูกมีพรสวรรค์ด้านศิลปะหรือดนตรีจริง เขาจะมี passion หรือความชอบความหลงใหลงานด้านนี้อย่างเห็นได้ชัด มีการติดตามผลงานของศิลปินต่างๆ มีสมาธิในการทำงานศิลปะหรือแต่งเพลง ร้องเพลง เล่นดนตรีอย่างจริงๆ จังๆ เห็นพัฒนาการของฝีมือเก่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้แสดงว่ามีพรสวรรค์จริง ก็ควรส่งเสริมไปด้านนี้เลย แต่เด็กที่ชอบศิลปะหรือเพลง เพียงแค่คลายเครียด หรือ ผ่อนคลาย เราจะไม่เห็น passion ของเขาในเรื่องนี้ แต่จะเห็นแค่ เขาชอบเล่นดนตรี ฟังเพลง ร้องเพลง วาดภาพ ถ่ายภาพ แต่งภาพ เพื่อความสนุกหรือคลายเครียด ทำสักพักก็เปลี่ยนไปชอบไปทำอย่างอื่น ไม่อินและทำสิ่งนั้นนานๆ และไม่มีกลุ่มเพื่อนที่มีพรสวรรค์คล้ายกัน
ที่คุณผู้อ่านถามมา ถ้าเด็กเป็นแบบกลุ่มหลัง ผู้ปกครองต้องหาสาเหตุแห่งความกังวลใจจนทำให้ไม่สนใจเรียนให้เจอ แล้วค่อยๆช่วยให้เขาเปิดใจกับการเรียนรู้ค่ะ อย่าหลงกับภาพเปลือก เด็กที่ชอบดนตรีจริงๆ มี passion กับดนตรีจริงๆ เขาจะซ้อมดนตรี ในเวลาที่เขามีอารมณ์อยากจะซ้อมเองค่ะ การที่ผู้ปกครองสั่งให้ซ้อมจะยิ่งทำให้เด็กเกลียดสิ่งนั้นมากขึ้น เพราะจิตใต้สำนึกของเขาจะรู้สึกว่ากำลังถูกบังคับ ถ้าผู้ปกครองยังมองเพียงแค่ผลลัพธ์ เช่น ถ้าไม่ซ้อม จะเล่นไม่ได้ แล้วก็จะโดนคุณครูว่า ผลลัพธ์อย่างนี้จะกังวลทำไมคะ สมัยเด็กๆ ครูเคทเคยเรียนเปียโน และโตขึ้นเคยเป็นครูสอนเปียโน จำได้ว่าอยากซ้อมก็ซ้อม ไม่อยากซ้อมก็ไม่ซ้อม แต่พอไปดีดให้คุณครูดู ถ้าไม่ซ้อมมาก็ดีดไม่เพราะ คุณครูก็ให้เรียนเพลงเดิมซ้ำ ไม่ขึ้นเพลงใหม่ให้ วันไหนซ้อมมาดี คุณครูชม แถมมีเพลงเพราะๆ นอกเหนือบทเรียนแถมให้ด้วย ชอบมาก จากนั้นก็รู้ด้วยตัวเองเลยว่าต้องซ้อมให้คล่อง โดยไม่ต้องมีใครมาคอยบ่นหรือสั่ง เพราะเด็กส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจเรื่องฝีมืออะไรหรอกค่ะ แต่เด็กๆ จะอยากรู้อยากเห็น อยากเรียนสิ่งใหม่ๆ ดังนั้น ถ้าไม่ซ้อมทำให้เล่นไม่เพราะ ก็แปลว่าอดได้เล่นเพลงใหม่ พ่อแม่ยุคนี้ดูจะวิตกกังวลกับผลลัพท์จนมองข้ามทักษะการเรียนรู้ทั้งด้านวิชาการและการดำเนินชีวิต การเอาตัวรอด ทำให้เด็กยุคนี้มีความเครียดสูงมาก และการเรียนรู้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อค่ะ
สมัยที่ลูกสาวครูเคทเรียนเปียโน ครูเคทก็ไม่เคยสอนลูก แม้ว่าแม่จะเคยเป็นครูสอนเปียโน แต่จะปล่อยให้เขาเรียนกับคุณครูเอง บริหารจัดการการเรียนการซ้อมตามอารมณ์ของเขาเอง ไม่กังวลกับผลลัพธ์ว่าจะต้องซ้อมเพื่อสอบวัดระดับหรือเข้าประกวดให้ได้ แต่ให้เขาเล่นดนตรีด้วย passion สนุกสนาน ทุกวันนี้ ดีใจที่ลูกสาวมีเสียงดนตรีในใจตลอดเวลา ทั้งฟังเพลง เล่นเครื่องดนตรีได้หลายประเภท และร้องเพลงเพราะมาก ตัวครูเคทเองแม้ประกอบอาชีพหลากหลายสาขา แต่ทุกวันนี้ก็ยังฟังเพลงร้องเพลงกับวงดนตรีเพื่อนๆ อยู่เป็นประจำ ที่บ้านแม่กับลูกสาวจะร้องเพลงร่วมกันประจำ นี่คือผลลัพธ์ของการเรียนที่นำมาซึ่งความสุขอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรียนเพื่อให้ได้ใบประกาศอะไรสักอันมาแปะฝาบ้าน หรือโพสต์ในโซเชียลค่ะ
คุณผู้อ่านที่กำลังกังวลใจกับการเรียนของลูก ลองเปลี่ยนความกังวลใจกับผลลัพธ์ของการเรียนของลูก มาเป็นการสร้าง passion ในการเรียนรู้ให้ลูกกันดีกว่า จำไว้ว่า “สิ่งที่ต้องทำมักนำไปสู่ความล้มเหลว ส่วนสิ่งที่อยากทำมักนำไปสู่ความสำเร็จ” ค่ะ
ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 0814581165 หรือ เข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ