Month: June 2022

รับมือกับเจ้านายขี้หงุดหงิด

ช่วงโควิด-19 หลายๆ องค์กรต่างได้รับผลกระทบกันไม่มากก็น้อย แต่ที่แน่ๆ คือความเครียดของผู้บริหารและพนักงานนั้นสูงขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเรื่องรายได้ลงลด หรือต้นทุนสูงขึ้น หลายบริษัทจำเป็นต้องลดพนักงานลง พนักงานที่เหลืออยู่ก็เครียดเพราะงานหนักขึ้น เจ้าหน้าก็เครียดเรื่องทำอย่างไรบริษัทจึงจะอยู่รอด ดังนั้น การหงุดหงิดใส่กัน ไม่เข้าใจกัน น้อยอกน้อยใจกัน จึงเกิดมากขึ้นในองค์กรในช่วงนี้

มีพนักงานหญิงคนหนึ่งเข้ามารับคำปรึกษากับครูเคท ว่าช่วงนี้รู้สึกจิตตกกับการทำงาน เพราะรู้สึกว่าทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเจ้านาย บางทีนายก็บอกว่าไว้ใจให้ทำงานอะไรไม่ได้สักอย่าง ทำงานให้เสร็จไปวันๆ ไม่ใส่ใจงาน ฯลฯ เธอทำงานเป็นมือขวาเจ้านายซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทด้วย แต่นายเป็นคนเรื่องเยอะ เช่น เธอเตรียมสไลด์ให้ เจ้านายก็บ่นว่ารูปแบบไม่สวย สีไม่ถูกต้อง ตัวอักษรเล็กไป สะกดผิด ฯลฯ เธอคิดว่าเธอเป็นคนตั้งใจและทุ่มเทให้กับการทำงานมาก ไปทำงานแต่เช้ากลับดึกทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ถ้ามีงานเธอก็ไปด้วยความเต็มใจ แต่ทำไมนายดูจะหงุดหงิดกับเธอมาก

ปัญหาเจ้านายกับลูกน้องในเคสนี้เกิดจากการมองคนละมุม ลองมามองมุมของเจ้านายก่อนนะคะ ในสภาวะตึงเครียดทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองอย่างในปัจจุบันนี้ เจ้านายคงจะมีความวิตกกังวลหลายด้าน ไหนจะหารายได้เข้าบริษัทให้ได้ตามเป้า เพื่อให้ครอบคลุมหนี้สินและค่าใช้จ่ายต่างๆ และยังต้องดูแลพนักงานโดยพยายามรักษาไม่ทำให้ใครต้องตกงาน ความกังวลเหล่านี้ทำให้คนเป็นนายเกิดความเครียดแล้วไม่รู้จะจัดการกับความเครียดอย่างไร จึงกระแทกออกมาเป็นความหงุดหงิด โกรธ ตำหนิติเตียน และกล่าวโทษลูกน้อง ส่วนด้านลูกน้อง ก็เครียดในใจว่าบริษัทจะยังไปรอดหรือไม่ ตนจะตกงานไม่รู้ตัวหรือไม่ ฯลฯ จึงทำให้ลูกน้องมีโอกาสทำงานผิดพลาดตกหล่นขาดสมาธิในการทำงาน

คนที่มีความวิตกกังวลจะมีอาการครุ่นคิดวนเวียนอยู่ในใจทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ความไม่รู้ตัวนี่แหละค่ะที่ทำให้คนเราเกิดความเครียด และเมื่อเครียดมากขึ้น ก็เกิดอารมณ์หงุดหงิด สิ่งที่คนทำงานกังวลแบบไม่รู้ตัวมากที่สุดก็คือ กลัวทำไม่เสร็จ กลัวทำไม่ถูก กลัวทำไม่ดี เพราะคิดเอาว่าหากเราทำอะไรผิดพลาด ไม่สำเร็จ หรือไม่มีคุณภาพ ผลที่จะตามมาก็คือการถูกตำหนิติเตียน หรือถูกดูถูกจากคนอื่นๆ หรือแม้แต่ผิดหวังกับตัวเอง ดูถูกและตำหนิตัวเองว่าล้มเหลว การมองตัวเองในแง่ลบเกิดจากการเผลอเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่เสมอ และมีแนวโน้มเห็นว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นอยู่บ่อยๆ

ในช่วงที่บรรยากาศในที่ทำงานมีความเครียด ทั้งเจ้านายและลูกน้องควรเปลี่ยนวิธีการสื่อสาร เจ้านายเวลาสั่งงาน ควรสั่งให้ชัดเจนว่าต้องการอะไร เพราะอะไร จะเอาไปทำอะไร เพื่อใคร เพื่อให้ลูกน้องได้เห็นภาพเดียวกัน ส่วนลูกน้องเวลารับคำสั่ง ก็ควรทวนความเข้าใจของตัวเองให้นายฟังสักรอบ เพื่อจะได้มั่นใจว่าเห็นตรงกัน และควรอธิบายแผนการทำงานของตนและเหตุผลที่ตัวเองจะทำอย่างนั้นให้นายได้รับทราบ เพื่อที่นายจะได้ช่วยดูกระบวนการทำงานถูกต้องแล้วหรือยัง ซึ่งจะช่วยทำให้นายคลายความกลัวผลงานจะออกมาผิดพลาด และความกลัวผลงานออกมาไม่มีคุณภาพได้ด้วย ระหว่างการทำงาน ลูกน้องควรมีการรายงานเจ้านายเป็นระยะๆ เพื่อให้เจ้านายคลายความกลัวงานไม่เสร็จ หรือเสร็จไม่ทันได้มาก ที่สำคัญการสื่อสารเพื่อช่วยให้นายคลายความวิตกกังวลยังส่งผลดีต่อลูกน้องด้วย เพราะทำให้ลูกน้องเข้าใจการทำงานและวางแผนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ลูกน้องเองมีความเครียดน้อยลง ขาดความกังวลสงสัยทำให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น และเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ให้มองที่ความผิดพลาดและแก้ไขความผิดพลาด ไม่ใช่มองว่าใครผิดใครถูก และตำหนิตัวเองหรือผู้อื่น อย่างนี้ก็จะมีความสุขทั้งเจ้านายและลูกน้องค่ะ

ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 08-1458-1165 หรือเข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ

ชีวิตการแข่งขันและรักษาตำแหน่งผู้นำทำซึมเศร้า

มีคุณผู้อ่านท่านหนึ่งเข้ามารับคำปรึกษากับครูเคทด้วยปัญหาว่า ช่วงนี้ไม่รู้สึกมีความสุขกับสิ่งต่างๆ ที่เคยชอบทำ อย่างเช่น เมื่อก่อนชอบดูซีรีส์เกาหลีมาก ดูได้ทั้งวันทั้งคืนแบบรวดเดียวจบ แต่ช่วงนี้ดูอะไรก็รู้สึกเบื่อไปหมด ดูแบบไม่ตั้งใจดูใจลอย นอกจากนี้ เจ้าตัวบอกว่าเป็นคนชอบนอนมาก เสาร์อาทิตย์สามารถนอนได้ทั้งวัน เพราะเธอขยันทำงานทุ่มเทให้งานมาก พอมีโอกาสพัก จึงชอบนอนเพื่อชาร์จแบตให้ตัวเอง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเบื่อแม้กระทั่งการนอน จนคิดว่าไม่รู้จะนอนทำไม ตื่นดีกว่า นอกจากนี้ ปกติเป็นคนที่ติดเพื่อนมาก อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องออกไปหาเพื่อนตลอด แต่ช่วงนี้รู้สึกเบื่อมาก ไม่อยากออกไปนอกบ้าน ไม่อยากเจอเพื่อน

ปกติเธอเป็นคนขยันทำงาน ทำงานหนัก มีความเชื่อว่าถ้าเธอตั้งใจทำเต็มที่แล้วไม่ควรมีอะไรผิดพลาด จึงทำให้เธอเป็นคนที่มุ่งมั่นพุ่งไปข้างหน้าอย่างมาก มุ่งแต่เป้าหมายไม่สนใจมองสองข้างทางที่นำไปสู่จุดหมายนั้น ถ้าหากมีอะไรผิดพลาด เธอจะรู้สึกล้มเหลว เธอบอกว่าบางครั้งรู้สึกทรมานและเหนื่อยมากในการทำงานให้สำเร็จ แต่พอทำสำเร็จแล้ว แทนที่จะรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจในตัวเอง เธอกลับรู้สึกโล่งใจ และรู้สึกว่าเธอทำถูกแล้ว เธอตัดสินใจได้ถูกแล้ว เธอไม่เคยหัวใจพองโตกับความสำเร็จของเธอเลย คนปกติเมื่อรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจในความสำเร็จของตัวเองมักจะมีความรู้สึกหัวใจพองโตหรือตัวพองนั่นเอง แต่สำหรับเธอจะรู้สึกอย่างนั้น ก็ต่อเมื่อมีใครมาทำอะรไรดีๆ ให้เธอ หรือแสดงความสนใจ เป็นห่วงเป็นใยเธอ หรือสนใจความรู้สึกของเธอ เช่น เวลาเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานถามว่า เหนื่อยมั้ย หรือ ซื้อขนมมาฝาก เธอจึงจะรู้สึกดี หัวใจพองโต

เธอเติบโตมาในครอบครัวที่สอนให้ทำงานหนัก มีความมุ่งมั่น มานะพยายาม เมื่อทำอะไรดีแล้วก็ให้แข่งขันกับตัวเองหรือพัฒนาให้ดีขึ้นตลอดเวลา พ่อแม่ไม่เคยชมเธอตรงๆ แต่มักจะไปเล่าให้ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงฟัง และเธอมักจะได้ยินมาจากคนอื่นว่าพ่อแม่ชมเธอ เธอเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง พ่อแม่ก็ไม่ชมตรงๆ แต่ให้เป็นของรางวัลแทน เธอไม่เคยชมตัวเอง และเมื่อผิดพลาดหรือล้มเหลวเธอจะโมโหตัวเอง ไม่ให้อภัยตัวเอง เธอชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเสมอ และบอกตัวเองว่าต้องทำให้ดีขึ้นหรือดีกว่าคนอื่น เธอมีความเชื่อว่าการทำอย่างนี้จะเป็นการพัฒนาตัวเเธอเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ

จะเห็นได้ว่าเธอเริ่มมีอารมณ์ซึมเศร้าเพราะผลักดันเพื่อพิสูจน์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อทำสำเร็จแล้วเกิดความดีใจอยู่เพียงระยะหนึ่ง แล้วก็จางไป จิตของเธอจะมุ่งอยู่ที่สิ่งนอกตัวเท่านั้น ไม่เคยให้เวลาในการอยู่กับตัวเอง เข้าใจตัวเอง และยอมรับตัวเองโดยไม่มีเงื่อนไข จึงทำให้เธอมีสภาวะพร่องความสุขหรือสุขไม่ถึงที่สุดและไม่ยั่งยืนนั่นเอง หากคุณผู้อ่านเป็นอย่างนี้ ควรฝึกชื่นชมตัวเองทุกวัน เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ มองเห็นความน่ารัก ความเป็นเด็ก อารมณ์ขันของตัวเองบ้าง เมื่อพลาด ให้มองตัวเองอย่างมีเมตตา ค่อยๆ ซึมซับความสุขที่ได้จากการเข้าใจตัวเองทุกๆ วัน (สุขทางตรง) ซึ่งเป็นความสุขที่ยั่งยืนมากกว่าความสุขจากการที่ผู้อื่นยอมรับหรือชื่นชม (สุขทางอ้อม) ค่ะ และหากมีอารมณ์ซึมเศร้า ไม่ควรมองข้าม ควรปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา อย่าปล่อยไว้โดยคิดว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง เพราะบางทีอะไรที่เราเก็บเอาไว้มากมายมันอาจจะล้นออกมาในอนาคตก็ได้

ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม ซึมเศร้า panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 0814581165 หรือ เข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ