เนตรปรียา (มุสิกไชย) ชุมไชโย (หรือ ครูเคท) สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาวิชาการธนาคารและการเงิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปริญญาโทบริหารธุรกิจ MBA (International Marketing) Loyola Marymount University, California, USA และปริญญาเอกบริหารธุรกิจ (DBA) International Marketing, University of South Australia และปริญญาเอกใบที่สอง จิตวิทยาการปรึกษา (Ph.D,CP.) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ประสบการณ์การทำงานอดีตผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศข่าว เป็นพิธีกร เป็นนักเขียน เข้าสู่วงการโทรทัศน์จากการเป็นพิธีกรและผู้ประกาศข่าวภาคภาษาไทยและอังกฤษ
-
พลังของพ่อแม่ทำให้หนูไฮเปอร์มากขึ้น
ช่วงนี้มีคุณผู้อ่านอินบ็อกซ์เข้ามาในเพจ kate inspirer ถามเกี่ยวกับวิธีรับมือกับลูกๆ ที่ไฮเปอร์และสมาธิสั้นกันหลายคน ในตอนก่อนๆ ที่ผ่านมา ครูเคทได้เขียนถึงเด็กไฮเปอร์และสมาธิสั้นไปหลายตอนแล้ว ครั้งนี้เลยขอเขียนเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่บ้าง เพราะส่วนใหญ่มักจะมุ่งแก้ปัญหาพฤติกรรมของลูก เพราะเชื่อว่าปัญหาอยู่ที่ลูก ต้องแก้ที่ลูก จนไม่ได้ตระหนักว่าคลื่นสมองของพ่อแม่สามารถส่งคลื่นรบกวนคลื่นสมองของลูกด้วย สมัยที่ครูเคทเรียนจิตวิทยา อาจารย์ท่านหนึ่งได้สอนว่าทุกครั้งที่เจอผู้มารับคำปรึกษาต้องสอบถามพูดคุยและสังเกตกิริยาท่าทาง ฯลฯ ก่อนที่จะลงความเห็นว่าเขามีปัญหาหรือความผิดปกติใด แต่อาจารย์ได้พูดติดตลกว่ามีข้อยกเว้นสำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า แค่คนไข้ซึมเศร้าเดินเข้ามาในห้องเราจะสามารถสัมผัสพลังเศร้าหมองได้ทันที ซึ่งตอนเรียนครูเคทก็คิดว่าอาจารย์พูดตลก แต่พอตอนที่ไปฝึกงานกับจิตแพทย์ มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาจารย์หมอนึกว่าไม่มีคนไข้แล้ว จึงนั่งพูดคุยกับครูเคทอย่างสนุกสนานและทันใดนั้น เราทั้งสองคนหยุดหัวเราะกันกลางอากาศโดยไม่ได้นัดหมาย และรู้สึกงงๆ ว่าหยุดหัวเราะทำไม แต่พอเราหันไปทางประตู ปรากฏว่ามีคนไข้ตกค้างอยู่หนึ่งคนซึ่งเข้ามายืนเงียบๆ ในห้องนานแล้ว พออาจารย์ได้วินิจฉัยพบว่าคนไข้ท่านนั้นเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้ครูเคทย้อนกลับไปนึกถึงคำพูดอาจารย์จิตวิทยาที่เคยบอกว่าเราจะสัมผัสความซึมเศร้าจากคนไข้ซึมเศร้าได้ก่อนที่จะได้พูดคุยกับคนไข้ด้วยซ้ำไป แสดงว่าในตอนนั้น ครูเคทกับอาจารย์หมอสัมผัสพลังซึมเศร้าของคนไข้ได้โดยไม่รู้ตัวและพลังนั้นขัดกับพลังเบิกบานที่เรากำลังหัวเราะกันอยู่ จึงเกิดการหยุดค้างแบบงงๆ เชื่อว่าคุณผู้อ่านคงมีประสบการณ์ตรงอย่างนี้ในครอบครัวอยู่แล้ว เช่น เวลาลูกกำลังหงุดหงิดแหกปากร้องไห้ พ่อแม่ก็จะเผลอหงุดหงิดหนักกว่าลูกเพราะกำลังกังวลว่าทำอย่างไรให้ลูกหยุดร้อง นั่นคือการรับส่งพลังงานระหว่างกันและกัน จึงทำให้พลังงานแห่งความโมโหทวีคูณขึ้นมากกว่าปกติ หรือ เวลาแฟนสาวน้อยใจร้องไห้ ฝ่ายชายรู้สึกกังวลใจไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะใจอยากปลอบให้เธอหยุดร้องไห้ พลังแห่งความกังวลใจของฝ่ายชายจะไปผสมกับพลังแห่งความน้อยใจเสียใจของฝ่ายหญิง ก็เลยยิ่งร้องไห้หนักขึ้น และอาจมีตัดพ้อต่อว่าหนักขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น ในกรณีที่ลูกเป็นเด็กไฮเปอร์ ซึ่งคลื่นสมองของเขาจะไม่เสถียรอยู่แล้ว คือ ตอนความถี่สูง เขาจะมีอาการกระวนกระวาย อยู่นิ่งๆ ไม่ได้…
-
กลัวว่าตัวเองเป็นโรคร้ายทั้งที่ไม่ได้เป็น
วันก่อนมีชายโสดวัย 30 กว่าเข้ามารับคำปรึกษากับครูเคทด้วยอาการเครียดและวิตกกังวลหลังการมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากเขายังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เขาจึงต้องพึ่งพาบริการทางเพศ ทุกครั้งที่เขามีเพศสัมพันธ์ เขาจะเกิดความวิตกกังวลว่าเขาจะติดเชื้อ HIV ทั้งๆ ที่เขามีการป้องกันด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เขากังวลมากถึงกับต้องไปเจาะเลือดตรวจหลายครั้ง เพราะเขาศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ จนมีความรู้มากพอเกี่ยวกับชุดตรวจแต่ละประเภทว่า บางชุดตรวจสามารถตรวจเจอหลังจากที่ได้รับเชื้อ 1-2 สัปดาห์ บางชุดตรวจสามารถตรวจเจอหลังจากที่ได้รับเชื้อ 3-4 สัปดาห์ ดังนั้นเขาจึงเวียนตรวจหาเชื้อตามคลินิกและโรงพยาบาลด้วยวิธีการต่างๆ เฉลี่ย 4-5 ครั้ง ต่อการมีเพศสัมพันธ์ 1 ครั้ง และไม่ว่าคุณหมอผู้อ่านผลตรวจและผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกคนจะยืนยันว่าเขาไม่ได้ติดเชื้ออย่างแน่นอน และโอกาสที่เขาจะติดเชื้อนั้นต่ำมาก เพราะเขามีการป้องกันอย่างดีอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถวางใจ รู้สึกเข็ดขยาด และจะกังวลใจวนไปวนมาอีกนานเป็นปี กว่าที่เขาจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งใหม่ได้ ช่วงหนึ่งเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตน ซึ่งแฟนของเขานั้นเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่นิสัยดี เรียบร้อยมาก ไม่มีพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ แต่เมื่อเขาได้มีอะไรกับเธอเพียงครั้งเดียว อาการวิตกกังวลว่าเขาจะติดเชื้อ HIV ก็กลับมาอีก และได้ไปตรวจหาเชื้อหลายครั้งอีกเช่นเดิม เขาพยายามคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ใจหนึ่งเขาก็เชื่อว่าไม่มีทางที่เขาจะติดเชื้อมาจากแฟนของเขาอย่างแน่นอน 99.99% แต่แล้วอีกใจหนึ่งก็คิดขึ้นมาว่าเนื่องจากแฟนของเขาเคยมีแฟนมาก่อนหน้าเขาคนหนึ่ง ดังนั้นมีโอกาส 0.01% ที่แฟนเขาจะติดเชื้อขึ้นมาก็ได้ ฯลฯ และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าเสียดาย เขาไม่สามารถมีอะไรกับแฟนได้อีก เพราะความวิตกกังวลว่าจะติดเชื้อ ไม่นานเขาก็เลิกกับแฟน และเมื่อได้พูดคุยถึงเรื่องอื่นๆ…
-
ชีวิตการแข่งขันและรักษาตำแหน่งผู้นำทำซึมเศร้า
มีคุณผู้อ่านท่านหนึ่งเข้ามารับคำปรึกษากับครูเคทด้วยปัญหาว่า ช่วงนี้ไม่รู้สึกมีความสุขกับสิ่งต่างๆ ที่เคยชอบทำ อย่างเช่น เมื่อก่อนชอบดูซีรีส์เกาหลีมาก ดูได้ทั้งวันทั้งคืนแบบรวดเดียวจบ แต่ช่วงนี้ดูอะไรก็รู้สึกเบื่อไปหมด ดูแบบไม่ตั้งใจดูใจลอย นอกจากนี้ เจ้าตัวบอกว่าเป็นคนชอบนอนมาก เสาร์อาทิตย์สามารถนอนได้ทั้งวัน เพราะเธอขยันทำงานทุ่มเทให้งานมาก พอมีโอกาสพัก จึงชอบนอนเพื่อชาร์จแบตให้ตัวเอง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเบื่อแม้กระทั่งการนอน จนคิดว่าไม่รู้จะนอนทำไม ตื่นดีกว่า นอกจากนี้ ปกติเป็นคนที่ติดเพื่อนมาก อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องออกไปหาเพื่อนตลอด แต่ช่วงนี้รู้สึกเบื่อมาก ไม่อยากออกไปนอกบ้าน ไม่อยากเจอเพื่อน ปกติเธอเป็นคนขยันทำงาน ทำงานหนัก มีความเชื่อว่าถ้าเธอตั้งใจทำเต็มที่แล้วไม่ควรมีอะไรผิดพลาด จึงทำให้เธอเป็นคนที่มุ่งมั่นพุ่งไปข้างหน้าอย่างมาก มุ่งแต่เป้าหมายไม่สนใจมองสองข้างทางที่นำไปสู่จุดหมายนั้น ถ้าหากมีอะไรผิดพลาด เธอจะรู้สึกล้มเหลว เธอบอกว่าบางครั้งรู้สึกทรมานและเหนื่อยมากในการทำงานให้สำเร็จ แต่พอทำสำเร็จแล้ว แทนที่จะรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจในตัวเอง เธอกลับรู้สึกโล่งใจ และรู้สึกว่าเธอทำถูกแล้ว เธอตัดสินใจได้ถูกแล้ว เธอไม่เคยหัวใจพองโตกับความสำเร็จของเธอเลย คนปกติเมื่อรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจในความสำเร็จของตัวเองมักจะมีความรู้สึกหัวใจพองโตหรือตัวพองนั่นเอง แต่สำหรับเธอจะรู้สึกอย่างนั้น ก็ต่อเมื่อมีใครมาทำอะรไรดีๆ ให้เธอ หรือแสดงความสนใจ เป็นห่วงเป็นใยเธอ หรือสนใจความรู้สึกของเธอ เช่น เวลาเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานถามว่า เหนื่อยมั้ย หรือ ซื้อขนมมาฝาก เธอจึงจะรู้สึกดี หัวใจพองโต เธอเติบโตมาในครอบครัวที่สอนให้ทำงานหนัก มีความมุ่งมั่น มานะพยายาม เมื่อทำอะไรดีแล้วก็ให้แข่งขันกับตัวเองหรือพัฒนาให้ดีขึ้นตลอดเวลา…
-
ลูกทำอะไรไม่ได้แล้วเอาแต่ร้องไห้
มีคุณผู้อ่านรายหนึ่งอินบ็อกซ์เข้ามาในแฟนเพจ Kate Inspirer ขอปรึกษาครูเคทว่า “….น้องค่อนข้างจะเชื่อฟังแม่มาก ถ้าได้รับมอบหมายอะไรให้ทำ น้องจะร้องไห้ กลัวแม่ดุ เช่น ใช้ให้ไปหาของ ถ้าเขาหาไม่เจอ น้องจะไม่บอก แต่จะยืนร้องไห้ หรือแม่สั่งให้ท่องหนังสือหรือทำการบ้าน ถ้าทำไม่ได้ก็จะนิ่งแล้วร้องไห้ ถ้าคนพูดจาเสียงดัง พูดไม่เพราะหรือดุ น้องจะน้ำตาคลอทันที …กรณีอยู่นอกบ้าน ถ้าไม่มีพี่สาวหรือแม่อยู่ด้วย เขาจะประหม่า ทำอะไรเองไม่ได้ เช่น ปวดปัสสาวะหรือหิวน้ำ เขาจะไม่บอกใครที่เขาไม่รู้จัก แต่จะยืนร้องไห้อย่างเดียว เหมือนน้องไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยค่ะ..” เด็กน้อยขี้แง น่าจะเป็นปัญหาที่พ่อแม่อาจจะมึนตึ้บไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะบางทีพ่อแม่ยังไม่ได้ดุ น้องก็ชิงร้องไห้เสียก่อนแล้ว เด็กที่เซนส์สิทีฟส่วนหนึ่งเป็นนิสัยที่มีมากับเขาตั้งแต่เกิด หรือบางคนอาจจะบอกว่าติดตัวมาแต่อดีตชาติ ดังจะเห็นได้ง่ายๆ ว่าพี่น้องท้องเดียวกัน หรือแม้แต่ฝาแฝด เกิดพร้อมกัน เลี้ยงดูมาเหมือนกัน แต่นิสัยต่างกัน แต่นอกจากนิสัยส่วนตัวที่มีมาแต่กำเนิดแล้ว สภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูนั้นดูจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดบุคลิกภาพของเด็กอย่างมาก การที่เกิดเป็นน้องก็อาจมีส่วน เพราะเด็กๆ จะมองเด็กคนอื่นๆ แล้วเทียบกับตัวเอง เช่น เมื่อเห็นพี่ทำได้ แต่ตัวเขาทำไม่ได้ เขาก็อาจจะรู้สึกด้อยกว่าได้ ท้งๆ ที่พ่อแม่อาจจะไม่ได้เปรียบเทียบอะไร ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเขาไม่ได้เข้าใจว่าพี่อายุมากกว่าย่อมมีความสามารถสูงกว่า และที่สำคัญเขาไม่เคยเห็นพี่ของเขาต้องอายุเท่าเขาในวันนี้ ดังนั้นพ่อแม่ต้องระวังที่จะไม่เปรียบเทียบลูกๆ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ การชมเด็กเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเองให้มากขึ้นก็เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นศิลปะ…
-
ลูกชอบดนตรี แต่ไม่ยอมซ้อมดนตรี
มีคุณผู้อ่านรายหนึ่งอินบ็อกซ์เข้ามาในแฟนเพจ Kate Inspirer ขอปรึกษาครูเคทว่า “…. ลูกเป็นเด็กที่ไม่เก่งวิชาการแต่พอเรียนได้ มีความถนัดแนวดนตรีกับศิลปะมากกว่าด้านวิชาการ แต่โรงเรียนของลูกเน้นวิชาการ ลูกเลยรู้สึกเหนื่อยและไม่อยากซ้อมดนตรี จะช่วยลูกยังไงดีคะ…” เรื่องลูกเรียนไม่เก่งนี่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้พ่อแม่วิตกกังวลมาก และมุ่งแก้ปัญหากันที่ปลายเหตุโดยเน้นผลลัพธ์ที่ทำให้พ่อแม่สบายใจ คือ เกรดดี เรากำลังลืมมองอะไรไปอีกหลายๆ จุด หรือเปล่า เช่น ทักษะการเรียนรู้และการนำไปปรับใช้กับการดำเนินชีวิตจริง ไม่ใช่เรียนกันเข้าไปแบบความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด การที่ลูกเรียนไม่เก่ง เราต้องหาสาเหตุที่แน่ชัดให้ได้เสียก่อน สาเหตุที่เด็กเรียนไม่เก่งอาจมาจากระดับสติปัญญาต่ำ หรืออาจไม่ใช่ เด็กบางคนสติปัญญาสูง แต่มีความวิตกกังวลกับปัญหาที่บ้านหรือที่โรงเรียนทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ได้ พอปัญหาสะสมไม่ได้รับการแก้ไข บวกกับผลการเรียนแย่ลงเรื่อยๆ ก็อาจทำให้เด็กเกิดอาการถอดใจ และเชื่อว่าตัวเองไม่ฉลาด เรียนไม่เก่ง อะไรทำนองนั้น สภาพแวดล้อมในบ้านที่อาจส่งผลต่อการเรียนของเด็กอาจหมายถึงปัญหาที่เห็นชัดเจน เช่น การทะเลาะเบาะแว้ง การใช้ความรุนแรงในครอบครัว ไปจนถึงปัญหาที่มองไม่เห็นว่าเป็นปัญหา เช่น ความคาดหวังของพ่อแม่หรือความวิตกกังวลของพ่อแม่ที่ไม่รู้ตัว อยากให้ลูกเรียนเก่ง อยากให้ลูกชนะหรือเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ฯลฯ ซึ่งแรงกดดันหลายรูปแบบเหล่านี้ ทำให้เด็กรู้สึกอึดอัด วิตกกังวล กลัว รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า เครียด แบกรับ จนนำไปสู่การขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้ เด็กที่เครียดหรือวิตกกังวลก็อาจหาทางออกด้วยการทำอะไรเพลินๆ เข่น งานศิลปะ เพลง…
-
อกหักรักคุด ทำอย่างไรจึงจะลืมเขาได้
มีคุณผู้อ่านรายหนึ่งอินบ็อกซ์เข้ามาในแฟนเพจ Kate Inspirer ขอปรึกษาครูเคทว่า “….อยากลืมแฟนเก่า อยากเลิกคิดถึงเขา แต่ความคิดเราก็มีแต่เรื่องเขาวนซ้ำไปซ้ำมา และเราก็รู้สึกเศร้ามากด้วย เป็นโรคซึมเศร้าด้วยหรือเปล่าคะ คือบางทีก็รู้สึกแบบไม่อยากมีชีวิตอยู่ รู้สึกไม่มีความสุข แล้วเป็นคนไม่มีเพื่อนด้วยค่ะ ทำยังไงดีคะ…” ในช่วงแรกที่เลิกกับคนรักก็มักจะเป็นอย่างนี้ทุกคนค่ะ เพราะเราไปเผลอติดความเคยชินที่เคยนึกถึงกันบ่อยๆ แล้วลืมนึกถึงคนอื่นอีกหลายคน รวมทั้งลืมนึกถึงตัวเองด้วย เพราะสมองเราจะจดจำอะไรที่เกิดขึ้นซ้ำๆ จนสามารถดึงสิ่งนั้นขึ้นมาได้อัตโนมัติอยู่บ่อยๆ ดังนั้น ช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะนึกถึงตัวเองและคนอื่นๆ อีกมากมายกันบ้าง สำรวจอารมณ์ว่าจะเริ่มเหงาตอนไหน เช่น ตกเย็นเพราะปกติต้องเจอแฟน เราก็วางแผนเลยว่าเย็นวันไหนจะทำอะไร จะเจอใคร บางคนเหงาก่อนนอนเพราะเคยมีใครคุยด้วย ก็หากิจกรรมทำก่อนนอน เช่นให้รางวัลตัวเองนอนดูซีรีส์ที่ชอบ เอาให้ติดหนึบเลย เราก็จะไม่มีเวลานึกถึงเขา เปลี่ยนความเคยชินเดิมๆ อย่างนี้สักพัก คุณจะลืมเขาไปเลยค่ะ เพราะความเคยชินที่มีเขามันจะเปลี่ยนเป็นความเคยชินใหม่ หรือที่เรียกกันว่า New normal ที่เรามีเวลาให้ตัวเอง ครอบครัวและเพื่อนฝูงมากขึ้นแทน การที่มีคนมาเอาใจใส่ดูแลทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าพอที่จะมีคนมาใส่ใจ คุณจึงรู้สึกดี แต่ความสุขแบบนี้คือความสุขที่ต้องรอรับ เมื่อไม่มีคนให้คุณก็เป็นทุกข์ หากคุณรู้จักตัวเองให้มากขึ้น เช่น เห็นความใจบุญ เห็นความอ่อนโยน เห็นความน่ารัก ความเซ่อๆ ความชิลๆ ความคิขุ ฯลฯ คุณจะเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น และสามารถมีความสุขกับทุกอย่างรอบๆ…